ไม้อัดมีกี่ชนิด

Jul 24, 2023
เรื่องทั่วไป
ไม้อัดมีกี่ชนิด


ไม้อัดมีกี่ชนิด

การผลิตตู้แร็ค (Rack) จะมีวัสดุและอุปกรณ์หลากหลายชนิดที่ใช้ในการผลิตอาทิเช่น อะลูมิเนียม  รวมถึงวัสดุหลักที่ใช้ในการผลิตคือไม้อัดขนาด 18 มม. หรือเป็นที่รู้จักว่าไม้อัด 20 มม. นั่นเองซึ่งหลายๆ ท่านอาจจะยังไม่เคยรู้ว่าไม้อัดก็มีหลากหลายชนิดด้วยกันมีคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสียที่ต่างกันไป และใครที่สงสัยว่าไม้อัดแต่ละชนิดต่างกันยังไง วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันค่ะ


ไม้อัดเป็นไม้สังเคราะห์ผลิตเพื่อมาทดแทนไม้จริงเพราะในปัจจุบันต้นไม้มีจำนวนลดลงไปมาก ไม้อัดผลิตจากเศษไม้ที่เหลือจากการแปรรูป หรือขี้เลื่อยผสมกับวัสดุอื่นและกาวเพื่อให้ไม้ยึดเกาะกัน โดยขั้นการผลิตและวัสดุจะแตกต่างกันจึงทำให้ไม้อัดมีเนื้อสัมผัสที่ต่างกัน และมีความเหมาะสมในการใช้งานต่างกันไปด้วย เราลองมาดูกันว่าไม้อัดชนิดไหนจะตอบโจทย์การทำงานของคุณบ้าง


Cr. เว็บไซต์ Pixabay

1.ไม้ปาติเกิล (Particle Board)

ไม้ชนิดแรกที่เราจะมาทำความรู้จักกันคือไม้ปาติเกิลเป็นไม้ที่เราสามารถเห็นได้ทั่วไปส่วนมากใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ โดยมีการการนำเศษไม้ยางพารา ที่มีขนาดเป็นชิ้นเล็กๆ หรือ ขี้เลื่อย นำมาผ่านกรรมวิธีอัดบดเป็นแผ่น ผสมกาว เพื่อเพิ่มการยึดเกาะ และผ่านกระบวนการทางเคมีจนได้แผ่นไม้ขนาดต่าง ๆ


Cr. เว็บไซต์ Pixabay

ลักษณะทั่วไปที่สังเกตได้ชัดของไม้ชนิดนี้คือจะมีความเหนียวที่ได้จากการประสานกันของเส้นใย เนื้อไม้จะฟู ผิวสัมผัสหยาบ เนื้อไม้อัดจะไม่แน่นเพราะในเนื้อไม้จะมีโพรงอากาศเล็กๆ เป็นจำนวนมาก

ข้อดี

ข้อเสีย

มีราคาถูกนิยมใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์

ไม่กันน้ำ ไม่เหมาะกับการใช้งานที่ต้องสัมผัสน้ำหรือโดนความชื้น

ไม้มีน้ำหนักเบาสามารถขนย้ายได้สะดวก

เนื้อไม้ไม่แน่นอายุการใช้งานสั้น

สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านวัสดุก่อสร้างหรือร้านขายไม้ทั่วไป

ทาสีไม้อาจจะไม่สวยเพราะเนื้อไม้ไม่เรียบ


Cr. เว็บไซต์ Pixabay

ผ่านไปแล้วกับการทำความรู้จักไม้ชนิดแรก ได้รู้ถึงข้อดีและข้อเสียของไม้ปาร์ติเกิ้ลแล้ว บทความของเราอาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าไม้ชนิดนี้เหมาะสมกับงานของคุณหรือไม่

2. ไม้อัดเอ็มดีเอฟ (MDF: Medium-Density Fiber board)

ไม้ชนิดที่ 2 คือ ไม้ MDF ย่อมาจากคำว่า Medium-Density Fiberboard หรือ แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง ไม้ MDF ผลิตโดยการนำชิ้นไม้มาสับและบดจนละเอียด มาผสมกับกาวชนิดพิเศษ แล้วผ่านกระบวนการอัดเป็นแผ่นด้วยเครื่องอัดคุณภาพสูงมากซึ่งกระบวนการผลิตก็ไม่ต่างจากการทำไม้ปาร์ติเกิ้ลเท่าไหร่เลย

เรามาดูลักษณะเด่นของไม้ MDF กัน เนื้อไม้ชนิดนี้จะมีความแน่น และละเอียด ผิววัสดุจะมีความเนียนมากกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล หากตอนนี้คุณกำลังมองหาไม้ที่ผิวเรียบเนียนไม้อัดชนิดนี้ตอบโจทย์เลยค่ะ

ข้อดี

ข้อเสีย

สามารถทาสีไม้ได้สวยงามเพราะผิวไม้เรียบเนียน

ไม่กันน้ำ ไม่ควรโดนน้ำเพราะอาจจะเกิดเชื้อราได้ง่าย

ไม้มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้มาก เนื้อไม้แน่น หากคุณต้องการตัด เจาะ ไส ก็จะทำได้ง่าย

เนื้อไม่มีลักษณะแน่นจึงทำให้เวลาตัด หรือเจาะไม้มีฝุ่นกระจายอยู่มาก

สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านวัสดุก่อสร้างหรือร้านขายไม้ทั่วไป

มีน้ำหนักมากกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล

สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านวัสดุก่อสร้างหรือร้านขายไม้ทั่วไป

 

 


Cr. เว็บไซต์ Pixabay

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับไม้ MDF ทุกคนน่าจะเคยเห็นบ่อยๆ ตามเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านหรือที่ทำงาน หากท่านต้องการทำเฟอร์นิเจอร์หรืองานไม้ที่ไม่ได้ใช้งานกลางแดดหรืออยู่ใกล้น้ำ ไม้ MDF ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเลย

3. ไม้อัด (Plywood)

และก็มาถึงไม้อัดชนิดที่ 3 ที่เราจะมาทำความรู้จักแล้วค่ะ ไม้อัดชนิดนี้ถือว่าเป็นไม้อัดยอดฮิตเลยเพราะเห็นได้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่อัดชนิดนี้ได้มาจากการตัดท่อนซุงให้มีความยาวตามที่่ต้องการ แล้วกลึงปอกท่อนซุงหรือผ่า ให้ได้แผ่นไม้เป็นแผ่นบาง ๆ หลายแผ่นมาอัดเข้าด้วยกัน แล้วใช้กาวเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ และทำให้ผ่านกระบวนการผลิตไม้อัดที่ผ่านการอัดด้วยความร้อนและแรงดัน ซึ่งขนาดความหนาของไม้อัดทั่วไปก็จะมีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ 3, 4, 6, 10, 15 ไปจนถึง 20 มม.

ลักษณะเฉพาะที่เราสังเกตได้ชัดเจนของไม้อัดคือ เรื่องของความทนทาน แข็งแรง และคุณสมบัติพิเศษต่างๆ เช่นกันน้ำ กันปลวก เป็นต้น มีความคล้ายไม้แผ่นมากที่สุด ซึ่งนี้เป็นจุดขายของไม้อัดที่ทำให้มีการนำไปใช้ในงานต่างๆ ได้หลากหลาย


Cr. เว็บไซต์ Wikipedia

ข้อดี

ข้อเสีย

คงรูปได้ดี ไม่บิด โก่ง งอ และตอกยึดได้ดี

ราคาสูง

มีความแข็งแรง ใช้ทำโครงสร้างได้

 

เนื้อไม่มีลักษณะแน่นจึงทำให้เวลาตัด หรือเจาะไม้มีฝุ่นกระจายอยู่มาก

สามารถกันน้ำได้ดี และยังกันปลวกได้ด้วย

มีน้ำหนักมากเพราะใช้ไม้หลายแผ่นอัดเข้าด้วยกัน

มีลักษณะและผิวสัมผัสคล้ายแผ่นไม้ที่สุด

 

 

 

 

ไม้อัดในปัจจุบันนี้ได้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ได้ถูกนำไปใช้สารพัดวัตถุประสงค์ ทั้งยังสะดวกในการใช้งาน และให้ความสวยงาม และยังมีคุณภาพสูงเหมาะแก่การนำไปทำงานไม้ต่างๆ อีกด้วย


สุดท้ายนี้หากเลือกใช้งานไม้แต่ละชนิดให้ถูกประเภท ถูกวิธี ก็จะช่วยให้การทำงานง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการเลือกผลิตภัณฑ์ไม้จากแบรนด์ที่ได้มาตรฐานรับรองก็เป็นสิ่งจำเป็นด้วยเช่นกัน หวังว่าบทความนี้คงทำให้หลายคนได้เข้าใจถึงประเภทและคุณสมบัติต่าง ๆ ของไม้กันมากขึ้น